Custom Search By Google

Custom Search

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552

TENSE

TENSE
อ.นภสร คำนับภา

มีความรู้ความชำนาญด้านแกรมม่าไว้บ้าง เวลาที่คุณใช้ภาษาอังกฤษ
คุณก็จะมีระดับการใช้ภาษาอังกฤษ และสำนวนภาษาอังกฤษ ที่ดีขึ้น

1. tense
(วิธีการเลือกใช้รูปแบบกิริยาในแต่ละเหตุการณ์)
หากใช้ tense(หากเลือกใช้รูปแบบกิริยา) ผิด ฝรั่งเขางงว่าเรื่องที่คุณพูดนั้น เกิดขึ้นตอนไหน
เพราะ ภาษาอังกฤษเขาให้ความสำคัญกับการเวลามาก
simple tense ใช้พูดเหตุการณ์ทั่วไป เมื่อเอ่ยเรื่องราวของวันนี้
คำพูดกิริยา จะมีจุดแตกต่างกับการเอ่ยเรื่องราวของเมื่อวานนี้
หรือพรุ่งนี้ ส่วนภาษาไทยจะใช้คำพูดเดิมเป็นหลักแล้วพูดคำเพิ่ม
ต่อท้ายประโยคเพื่อบ่งบอกการเวลา เช่น

ภาษาอังกฤษ
ตอนนี้ใช้ I go to school. เมื่อวานใช้ I went to school. พรุ่งนี้ใช้ I will go to school.

ภาษาไทย
ตอนนี้ใช้ : ฉันไปโรงเรียน, เมื่อวานนี้ใช้ : ฉันไปโรงเรียนเมื่อวาน, พรุ่งนี้ใช้ : ฉันจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้
ตัวอย่างข้างต้นเป็นประโยคที่ใช้คุยกันธรรมดา เห็นหรือยังว่ามีการใช้สำนวนภาษาอังกฤษที่ แตกต่างกัน

continuous tense
ใช้พูดเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ขณะพูด ยิ่งไปกว่านั้น
ฝรั่งยังให้ความสำคัญกับการเวลาขณะที่กำลังพูดกันอยู่อีก
I am going to school. แปลว่า ฉันกำลังไปโรงเรียน มีความหมายว่าขณะที่กำลังพูดอยู่คนพูดกำลังเดินทางไป
perfect tense
ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
อะไรที่พูดถึงเคยทำมาแล้วจะใช้tenseนี้ครับ
เช่น I have gone to school. แปลว่า ฉันเคยไปโรงเรียนมาแล้ว
ตัวอักษรสีแดงให้คุณเปรี่ยบเทียบความแตกต่างระหว่างภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
เรื่องของ tense ยังมีรายละเอียดอีกมากขอให้คุณไปศึกษาเพิ่ม


ใช้ Present Simple Tense เมื่อ ...
1) ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงตลอดไป หรือเป็นความจริงตามธรรมชาติ
2) ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นประเพณี นิสัย สุภาษิต ซึ่งไม่ได้บ่งเฉพาะเจาะจงว่าเวลาใด
3) ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงในขณะพูด
4) ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งตัดสินใจแน่แล้วว่าจะทำเช่นนั้น
5) ใช้กับเหตุการณ์ในประโยคอนุประโยค ที่บ่งบอกเวลาเป็นอนาคต
และขึ้นต้นด้วยประโยคของมัน ด้วยคำต่อไปนี้
If, when, whenever, unless, until, till, as soon as, while, before, after, as long as, etc.
6) การกระทำของกริยาที่สามารถแสดงอาการให้เห็นได้ เช่น ความรู้สึกนึกคิด แสดงความรับรู้ แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น love know belong to detest
7) ใช้กับเหตุการณ์ที่ทำเป็นประจำ หรือเป็นนิสัยเคยชิน แยกออกเป็น 3 ชนิดย่อยๆ คือ

คำ กลุ่มคำ ประโยค
always everyday whenever he sees me
often every week whenever he comes here
sometimes every month every time he sees me
frequently every year every time he comes here
usually once a week whenever she can
naturally twice a month whenever you want
generally in the morning when he comes here
rarely on Sundays when he does his work
seldom
Note: ประโยคแสดงความบ่อย ความเป็นประจำ รูปของกริยาประโยคนั้น ... ต้องใช้ Present Simple Tense
- He says hello to me whenever he sees me.
- I wash my car every week-end. - She usually relaxes after game.
- David visits his home twice a year.
- Somsri habitually gets up early.
- We go to school every day.


ใช้ Present Continuous Tense เมื่อ ...
1) ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังกระทำอยู่ในขณะที่พูดและมักมีคำกริยาวิเศษณ์
now, at the present, at this moment, at the present time, these days
2) ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นในระยะยาว ซึ่งขณะที่พูดประโยคนี้ออกไปนั้นไม่จำเป็นต้องกระทำอยู่ แต่ในช่วงเวลาอันยาวจะทำสิ่งนั้นอยู่จริงๆ และมักมีคำบอกระยะเวลายาวมากำกับไว้
ได้แก่ this week this month this years
3) ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งต้องเป็นเป็นเช่นนั้นแน่นอน มักใช้กับคำกริยาที่แสดงการเคลื่อนที่ เคลื่อนไหว มักมีคำบอกเวลาเป็นอนาคตร่วมด้วย
ได้แก่ next Sunday on Friday tomorrow

กริยาที่นำมาแต่งเป็น Continuous Tens ไม่ได้
กริยาที่แสดงการรับรู้ --- see feel smell
กริยาที่แสดงภาวะของจิต แสดงความรู้สึก ความผูกพัน know understand believe belong agree consider forget recall detest trust wish have appear depend refuse contain mean love hate seem like disagree notice remember dislike prefer distrust possess own differ deserve consist of doubt suppose
อย่างไรก็ตาม ถ้ากริยาเหล่านี้ นำมาใช้ในความหมายอื่นคือ แปลผิดไปจากคำแปลที่แท้จริงของมัน ก็ใช้แต่งเป็น Present Continuous Tense
เช่น see ถ้าแปลว่า พบ ไปพบ ไปส่ง
- Kukrit is seeing Turng Siew Ping tomorrow. (seeing = meeting)
- We are seeing him off at Don Muang Airport. (seeing = saying goodbye)
feel ถ้าแปลว่า คลำหา ก็แต่งเป็น Present Continuous Tense
- He is feeling his way along the face of the cliff.
- The blind man was feeling his away along the road.






ใช้ Present Perfect Tense เมื่อ …
1) ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีต และเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาถึงเวลาปัจจุบัน (คือเวลาที่พูดประโยคนี้ออกไป) มักจะมี Adverb เหล่านี้คือ since, for, so far, up to now, up to now, up to the present time มาร่วมแสดงเวลาเสมอ
- Bill has lived in New York since 1975.
- I have studied English for more than three years.
หลักการใช้ since และ for
since แปลว่า “ตั้งแต่” ใช้กับเวลาอันเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นั้นในอดีต ซึ่งหลัง since จะได้แก่คำต่อไปนี้
………. Since yesterday ………. since last week (month,year)
………. Since 1980 ………. Since six o’ clock
………. Since world war ………. Since Monday
……….. since January …….… since the beginning of the year
หรือบางครั้ง หลัง since อาจเป็นประโยค Past Simple Tense ก็ได้
= Present Perfect + since + Past Simple เช่น :-
……….. since he was a boy.
……….. since her father died.
……….. since he left school.
for แปลว่าเป็นเวลาใช้กับจำนวนนับตั้งแต่เกิดเหหหตุการณ์มาจนถึงขณะพูดหรือพุดให้ง่ายก็คือ ใช้เพพพื่อบอกความยาวตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบันนานได้เท่าไร กี่ชั่วโมง กี่วัน กี่เดือน กี่ปี
……….. for 2 hours.
……….. for 6 days.
……….. for years.
……….. for a long time.
2) ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้ทำซ้ำๆ เป็นหลายครั้งหลายหนในอดีต และเหตุการณ์ต่อไปนี้อาจจะทำอีกต่อไปในอนาคต มักจะมีคำ Adverb เช่น many times, several times, over and over มากำกับเสมอ



3) ใช้กับเหตุการณ์ที่เคยทำหรือไม่เคยทำในอดีต ซึ่งไม่ได้บ่งบอกเวลาที่แน่นอนเอาไว้ และมักจะมีคำ Adverb คือ ever, never, once, twice มาใช้ร่วมเสมอ
- I have never seen him before.
- Have you ever been aboard? No,never.
- My father has been to London twice.
- Chuchart has been to china once.
4) ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ได้เกิดขึ้นหรือกระทำไปแล้ว แต่ผลของการกระทำนั้น ยังประทับใจผู้พูดอยู่ใช้ Present Perfect Tense ได้เช่น :-
- I have turned on the light.
- He has opened the window.
- The train has arrived at the station.
5) ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นจบลงไปใหม่ๆ โดยเวลาไม่นาน ในการนี้จะมี Adverb ต่อไปนี้มาร่วมเสมอ ได้แก่ already เรียบร้อยแล้ว, just พึ่งจะ, yet ยัง, finally ในที่สุด, eventually ในที่สุด, recently เมื่อเร็วๆนี้ เช่น :-
- The principal has just gone out.
- I have already closed the window.
- He hasn’t gone out yet.
การใช้ yet just already
yet : ใช้ในประโยคปฏิเสธและนิยมวางไว้ท้ายประโยค
- He has not died yet.
just , already : ใช้ในประโยคบอกเล่า และวางไว้หน้ากริยาหลัก เสมอ
- He has just finishedhis work.
หมายเหตุ : จะใช้ already และ yet ในประโยคคำถามก็ได้ แต่ความหมายต่างกันเล็กน้อย
- ใช้ already เมื่อผู้ถามหวังจะได้คำตอบรับ yes
- ใช้ yet เมื่อผู้ถามหวังจะได้คำตอบปฏิเสธ no


ใช้ Present Perfect Continuous Tense เมื่อ …
1) เมื่อต้องการจะเน้นว่า การกระทำหรือเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน (ขณะพูด) และก็คงจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต (***เน้นความต่อเนื่องไปถึงอนาคต)
เช่น - I have been working for 3 hours.
- Thomas has been living in Thailand since 1997.
ส่วนมาก ใช้กับ verb ที่มีความหมายกระทำได้นาน ได้แก่ learn stay live work sit sleep rest read wait play ,etc.

Past Simple Tense
Subject + กริยาช่อง 2
การเติม ed ที่คำกริยามีหลักเกณฑ์ คือ :-
(1) กริยาที่ลงท้ายด้วย e อยู่แล้วเติม d ได้เลย
(2) กริยาที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ed
(3) กริยาที่ลงท้ายด้วย y แต่หน้า y เป็นสระ ให้เติม ed ได้เลย
เช่น play obey delay enjoy stay
ใช้ Past Simple Tense เมื่อ …
1) ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต แล้วก็จบลงไปแล้วในอดีตโน้นก่อนที่จะพูดประโยคนี้ออกมา มักมี คำ กลุ่มคำ อนุประโยค ที่แสดงความเป็นอดีตมากำกับไว้เสมอ
คำ กลุ่มคำ อนุประโยค
ago last night When he was young
once last week (month) When he was 15
yesterday last year after he had gone
formerly in 1990, just now wheneverhe saw me
yesterday morning when I lived in Paris
yesterday afternoon
during the war


2) ใช้กับการกระทำในอดีต แสดงลำดับความต่อเนื่องของเหตุการณ์กรณีนี้ verb ทุกตัว ต้องเป็น
Past Simple Tense เช่น:-
- I opened my bag, took out some money and gave it to my friend.
- He jumped out of the house, saw a policeman and ran away.
3) ใช้กับกริยาในประโยคที่อยู่หลังสำนวนต่อไปนี้
I would rather + It’s time + It’s high time +


Past Continuous Tense
Subject + was,were + กริยาเติมing
ใช้ Past Continuous Tense เมื่อ …
1) ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้น ไม่พร้อมกันในอดีต อันหนึ่งเกิดขึ้นและกำลังดำเนินไปอยู่ก่อน และมีเหตุการณ์ที่สองอันสั้นๆ เกิดแทรกเข้ามา
มีหลักคือ เกิดก่อน Past Con เกิดหลัง Past Sim
เช่น : - While he was walking along the street, he saw an accident.
- I was reading a book when he came in.
2) ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ หรือกำลังดำเนินอยู่พร้อมกันในเวลาเดียวกันในอดีต
ทุกเหตุการณ์ต้องใช้ Past Con ทั้งคู่
- My mother was cooking while I was playing.
- He was standing while she was sitting.
3) ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น หรือกำลังดำเนินอยู่ ณ เวลาจุดใดจุดหนึ่งในอดีต ตามที่ระบุไว้อย่าง
ชัดเจน
- They was cleaning the room at 8 o’ clock yesterday.
- I was staying at the Erawan Hotel at this time yesterday.
- When I saw him, he was watering in the garden.
ข้อสังเกต : clause ที่ตามหลัง when มักใช้ Past Sim
ส่วน clause ที่ตามหลัง while มักใช้ Past Con


Past Perfect Tense
ประธาน + had + กริยาช่อง 3
ใช้ Past Perfect Tense เมื่อ …
1) ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต และก็สิ้นสุดลงไปแล้วในอดีตโน้น โดยเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่ง
เหตุการณ์เกิดก่อนใช้ Past Perfect Tense ( S. + had + v.3 )
เหตุการณ์เกิดหลังใช้ Past Simple Tense ( S. + v.2 )
- We went out for a walk after we had eaten dinner.
- Anong had learnt English before she went to England.
- When we reached the field, the football match had begun.
- When I called on Suni,her mother told me that she had left home.
2) ใช้กับคำว่า By the time , By May , By 1990 ซึ่งมีความหมายว่า นับเวลามาจนสิ้น . นับเวลามา
ก่อนหน้านี้ ,มีโครงสร้างประโยคคือ
By the time + Past Sim + Past Perfect
3) ใช้ Past Perfect Tense ควบคู่กับ Past Simple Tense ในสำนวนต่อไปนี้
Subject + had + no sooner + v.3 + than Subject + v.2
hardly when
scarcely when
4) ใช้กรณีที่ตามหลัง I wish แสดงความปรารถนาในสิ่งที่ตรงข้ามกับความเป็นจริง ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต
- I wish I had been born in a rich family.


Past Perfect Continuous Tense
ประธาน + had + been + กริยาเติม ing
มีวิธีใช้ เช่นเดียวกับ Past Perfect Tense
** แต่มีการเน้นถึงความต่อเนื่องของเวลาได้ดีกว่า
- The telephone had been ringing for 5 minutes before it was answered.
- He had been sleeping for 3 hours when we called on him.

ไม่มีความคิดเห็น:

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

อัพโหลดไฟล์

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

Movie

สารบัญเว็บไทย

Thailand Map