Custom Search By Google

Custom Search

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551

คนที่้เรารัก

คลิ๊กที่รูปเพื่ออ่าน









ความรักของคนตาบอด

คุณเคยเห็นคนตาบอดมั้ย ?

คนตาบอด...ที่เดินไปไหนต่อไหนด้วยกันเป็นคู่....
คุณอาจเจอพวกเขาได้ ในที่ที่มีคนอยู่กันเยอะๆ
เช่น..ตลาดนัด...
พวกเขาไปที่นั่น เพราะหวังว่า... คงจะมี คนใจบุญ
ไปเดินอยู่ที่นั่นบ้าง...
คนสองคน...ที่จับมือกัน...ค่อยๆ เดินกระเถิบไปด้วยกันทีละนิด..ทีละนิด.
เพราะต่างคน ต่างก็มองไม่เห็นอะไรกันทั้งคู่...
นอกจากไม้เท้าคนละอันแล้ว...ในมือพวกเขาถือวิทยุเก่าๆเครื่องนึง...
กับไมค์อีกอีกหนึ่งอัน...ที่ขาดไม่ได้
ก็คือขันอลูมิเนียม...
อาวุธสำคัญที่ใช้หากินอยู่ทุกวัน..
ผมไม่ คุ้นหู กับเพลงที่เขาร้องนักหรอก..
แต่ก็ดูว่าเขาตั้งใจร้องเหลือเกิน...
และดูเหมือนเขาก็ หวัง ว่าคุณจะต้องชอบมัน...

ผมเห็นเขาจับมือกัน...

วินาทีนั้น...
ทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่างที่ผมเคยมองข้ามมาตลอด..
คุณเคยนึกถึงความรักของ..คนตาบอด..หรือเปล่า....
คนตาบอดรักกันได้ยังไงนะ...
เพราะคนตาบอด...ไม่เคยรู้เลยว่า...

คนรักของเขา..มีหน้าตาเป็นอย่างไร..

คนตาบอด..จะรู้จักก็เพียงจิตใจของคนรักของเขาเท่านั้น.
เมื่อเขามีความพอใจกันและกัน....
ไม่มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี
ให้กังวลใจ...เพราะต่างคนก็ต่างไม่มีสิ่งนี้...
ต่างคน..ต่างก็ไม่มีเงิน...
ตาสองข้าง ปิดสนิท....แต่เปิดใจเข้าหากัน..
คนสองคนที่อยู่ด้วยกัน ด้วย " ใ จ " ล้วนๆ...

ความรัก....ก็เกิดจากตรงนั้น.

คนตาบอด พาคนที่เขารัก ไปด้วยกันทุกหนทุกแห่ง...
คนตาบอด ไม่เคยกลับบ้านดึก...
คนตาบอด ออกจากบ้านพร้อมกัน...และกลับถึงบ้านพร้อมกัน...
พวกเขาเคยแยกกันบ้างหรือเปล่านะ.... ?
คุณรู้หรือเปล่า.....คนตาบอด
จับมือของคนที่เขารักไว้ตลอดทั้งวัน...


คุณเคยทำอย่างเขาบ้างมั้ย... ?

ดื่มโกโก้แล้วสุขภาพดี

เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าในไวน์แดงหรือในน้ำชานั้นมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่สามารถต้านอนุมูลอิสระได้ แถมยังช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ได้อีกหลายโรคด้วย


แต่เพื่อน ๆ ที่นี่ทราบหรือไม่ค่ะว่าว่านอกจากน้ำชาและไวน์แดงแล้ว โกโก้นั้นก็มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ด้วยเช่นกัน


โดยจากการศึกษาพบว่าคนที่ดื่มน้ำชาเป็นประจำนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ในขณะที่นักวิจัยชาวฝรั่งเศสพบว่าผู้ทีดื่มไวน์แดงวันละแก้ว สามารถลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ

และสำหรับโกโก้นั้นมีการศึกษาจากอาสาสมัครชาวอเมริกันกว่า 8000 คนพบว่าการรับประทานโกโก้ หรือช็อโกแลต(ที่ทำมาจากโกโก้) นั้นส่วนใหญ่จะมีอายุยืน ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะโกโก้นั้นอุดมไปด้วย โพลีฟีนอล ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยกวาดล้างของเสียที่ร่างกายผลิตขึ้นด้วย


และจากการศึกษาล่าสุดในมหาวิทยาลัย คอร์แนล สหรัฐอเมริกา พบว่าเมื่อนำน้ำชา ไวน์แดง และโกโก้ในปริมาณหนึ่งแก้วเท่า ๆ กันมาตรวจหาสารแอนตี้ออกซิแดนท์พบว่า ในโกโก้นั้นพบมากที่สุด โดยมีมากกว่าไวน์แดงถึง 2 เท่า และมากกว่าชาเขียว 3เท่า และชาดำถึง 5 เท่าเลยทีเดียว


แม้ว่าปัจจุบันจะมีการนำเอาโกโก้ไปแปรรูปเป็นอาหารชนิดต่าง ๆ ตลอดจนนำไปผสมกับอาหารชนิดอื่น ๆ แต่นักวิจัยแนะนำว่า การดื่มโกโก้โดยตรงนั้นดีที่สุด


ทั้งนี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์แนลกล่าวเอาไว้ว่า "แม้เรารู้ว่าสารต่อต้านอนุมูลอิสระนั้นดีต่อสุขภาพของเรามาก แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าในแต่ละวัน เราต้องการสารนี้จำนวนเท่าไหร่กันแน่"

เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ที่นี่ถ้าคิดจะดื่มโกโก้เพื่อสุขภาพแล้ว เราก็ขอแนะนำว่า ควรดื่มวันถ้วยหรือสองถ้วยก็พอนะคะ เพราะว่าการดื่มมากเกินไปก็อาจจะไม่ดีก็ได้ ทานแต่พอดี ๆ ดีกว่าค่ะ

การ์ตูนกรุ๊ปเลือดบอกนิสัย

คลิ๊กที่รูปเพื่ออ่าน










Millionaire Blog

แบบทดสอบตัวคุณ.......

นี่เป็นแบบทดสอบที่จัดทำเพื่อฝ่ายบุคคล มันช่วยให้เขาเข้าใจพนักงานของเขา มากขึ้น ทั้งหมด มีเพียง 10 คำถาม แบบทดสอบอันนี้ค่อนข้างแม่นยำและใช้เวลาทำ เพียง 2 นาที ดังนั้นก็คว้ากระดาษ กับปากกา มาจดคำตอบของคุณ คำตอบที่ได้จะบอกถึงสภาพของคุณในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร! เตรียมปากกาและดินสอให้ พร้อม

พร้อม หรือยัง

Let's Begin... >

1. เวลาช่วงไหนที่คุณจะรู้สึก ดี
a) ตอน เช้า
b) ตอนบ่าย ๆ หรือเย็นๆ
c) ตอน ดึกๆ


2. ปกติคุณจะมีท่าทางการเดินแบบ ไหน
a) เดินเร็ว ก้าวยาวๆ
b) เดินเร็ว แต่ก้าวสั้นๆ
c) เดินไม่ค่อยเร็ว มองตรงไปข้างหน้า
d) เดินไม่ค่อยเร็ว ก้มหน้า
e) เดินค่อนข้างช้า


3. เวลาคุยกับใครคุณทำท่า
a) ยืนกอด อก
b) ยืนกุม มือ
c) เท้าสะเอว 1 ข้างหรือทั้ง 2 ข้าง
d) แตะหรือผลักคนที่คุยด้วย


4. ท่านั่งสบายๆของคุณเป็นยัง ไง
a) เอาขาพับเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือนั่งพับเพียบ
b) นั่งไขว่ห้าง c) ยืดขา ตรง
d) นั่งทับขาข้างใดข้างหนึ่ง


5. เมื่อมีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกถูกใจหรือขำมาก คุณแสดงออกอย่างไร
a) หัวเราะดังๆอย่างพอใจ
b) หัวเราะ แต่ไม่ดังมาก !
c) หัวเราะแบบไม่มีเสียง
d) ยิ้มแบบอายๆ




6. เมื่อไปงานเลี้ยง
a) เข้าไปอย่างเป็นที่สนใจทุกคนต้องรู้ว่าคุณมา แล้ว
b) เข้าไปเงียบๆมองหาคนที่ รู้จัก !
c) เข้าไปอย่างเงียบที่สุดพยายามไม่เป็นที่ สนใจ


7. คุณทำงานอย่างหนัก ทุ่มเทมากๆ แต่ถูกขัดจังหวะคุณ ...
a) หยุดพักเพื่อผ่อนคลาย
b) รู้สึกหงุดหงิด ฉุนเฉียว รำคาญ
c) รู้สึกก้ำ กึ่ง 2 ข้อข้างบน


8. ชอบสีอะไรมากที่สุดต่อไป นี้
a) สีแดง หรือ สีส้ม
b) สีดำ
c) สีเหลือง หรือ! สีฟ้า
d) สี เขียว
e) สีน้ำเงิน หรือ > สีม่วง
f ) สี ขาว
g) สีน้ำตาล หรือ สีเทา


9. ตอนที่คุณอยู่บนเตียงช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่คุณจะหลับ คุณนอนในลักษณะไหน
a) นอนหงายธรรมดา
b) นอน คว่ำ
c) เอียงข้าง นอนขด
d) นอนเอาหัวทับแขน
e) นอนคลุมโปง


10. คุณมักฝันว่าคุณ ...
a) กำลังหล่นหรือดิ่งลงไป เรื่อยๆ
b) กำลังต่อสู้ หรือดิ้นรน
c) กำลังค้นหาอะไรสักอย่างหรือใครสัก คน
d) กำลังบินหรือกำลังลอยอยู่
e) คุณไม่ค่อยฝัน
f) คุณมักฝันถึงแต่สิ่งที่ดี










POINTS:
1. a = 2 b = 4 c = 6
2. a = 6 b = 4 c = 7 d = 2 e = 1
3. a = 4 b = 2 c = 5 d = 7 e = 6
4. a = 4 b = 6 c = 2 d = 1
5. a = 6 b = 4 c = 3 d = 5 e = 2
6. a = 6 b = 4 c = 2
7. a = 6 b = 2 c = 4
8. a = 6 b = 7 c = 5 d = 4 e = 3 f = 2 g = 1
9. a = 7 b = 6 c = 4 d = 2 e = 1
10. a = 4 b = 2 c = 3 d = 5 e = 6 f = 1

รวมคะแนนของคุณทั้งหมด แล้วมาดูเฉลยกัน ...
คะแนนเกิน 60 คะแนน :
คนอื่นๆมองว่าการอยู่กับคุณเขาต้องระวังตัวเองอยู่เสมอ
เห็นว่าคุณเป็นที่หลงตัวเอง เห็นแก่ตัว แล้วชอบทำตัวโดดเด่นออกมา หลายคนอาจจะชื่นชมคุณ อยากเป็นเหมือนคุณ แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยเชื่อใจคุณและลังเลใจที่จะเข้ามา เกี่ยวข้องกับคุณมากเกินไป

คะแนน 51 ถึง 60 :
คนอื่นๆมองว่าคุณเป็นคนที่น่าตื่นเต้น แต่อารมณ์แปรปรวน และไม่ค่อยไตร่ตรองอะไร เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ ตัดสินใจเร็วแต่มันไม่ถูกเสมอไป เขาเห็นว่าคุณเป็นกล้าหาญและ ท้าทาย เป็นคนที่พร้อมที่จะทดลองอะไรก็ได้ เป็นคนที่กล้าเสี่ยงคว้าเอาโอกาส และสนุกกับการผจญภัย ผู้คนมักรู้สึกสนุกที่ได้อยู่กับคุณ
เพราะความน่าตื่นเต้นที่คุณสื่อออกมา

คะแนน 41 ถึง 50 คะแนน :
คนอื่นๆมองว่าคุณเป็นคนร่าเริงสดใสมีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ ง่ายๆ และน่าสนใจ เป็นคนที่มักจะเป็นศูนย์กลางของความสนใจ แต่มีความสมดุล รู้ว่าต้องทำตัวยังไง คนอื่นๆ มองว่าคุณเป็นคนใจดี นึกถึงจิตใจคนอื่น และมีความเข้าใจ เป็นคนที่จะคอยให้กำลังใจ และช่วยเหลือเขาตลอดเวลา

คะแนน 31 ถึง 40 คะแนน :
คนอื่นๆมองว่าคุณเป็นคนอ่อนไหว ระมัดระวังรอบคอบและง่าย ๆ ผู้คนมองว่าคุณฉลาด มีพรสวรรค์
แต่นอบน้อม ไม่ใช่คนที่จะมีเพื่อนได้ง่ายๆ แต่จะเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนมาก และคาดหวังว่าเพื่อนก็ต้องเป็นเช่นนั้นกับคุณ คนที่รู้จักคุณจริงๆจะรู้ ว่า ... มันต้องใช้หลายอย่างมากที่จะทำให้คุณเลิกไว้ใจเพื่อน ของคุณ
แต่ใน! ทางกลับกันมันจะใช้เวลานานมากกว่าคุณจะยอมอภัยถ้าความเชื่อถือนั้นถูกทำลายลง

คะแนน 21 ถึง 30 คะแนน :
เพื่อนๆมองว่าคุณเป็นคนที่มีความมานะบากบั่นและจุกจิก มองว่าคุณค่อนข้างขี้ระแวง ระมัดระวังอย่างมากเชื่องช้าและมีความพยายามมากๆ มันจะทำให้เขาแปลกใจถ้าพบว่าคุณทำอะไรซักอย่าง โดยขาดการยั้งคิดหรือทำไปเพราะมีแรงกระตุ้นเพียงชั่วครู่ เขาจะคาดหวังว่าคุณต้องตรวจสอบทุกอย่างในทุกแง่ทุกมุม แล้วจากนั้น ก็มักจะตัดสินใจต่อต้านมัน พวกเขาคิดว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความขี้ระแวงโดย ธรรมชาติของคุณนั่นเอง

คะแนนต่ำ กว่า 21 คะแนน :
คนอื่นๆมองว่าคุณ ขี้อาย ขี้กังวล และไม่กล้าตัดสินใจ เป็นคนที่ต้องการการดูแล เป็นคนที่ต้องการให้คนอื่นตัดสินใจแทน และเป็นคนที่ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับใครหรืออะไรทั้งนั้น ผู้คนเห็นว่าคุณเป็นคนที่กังวลในปัญหาที่ไม่มีทางเกิด ขึ้นได้ บางคนคิดว่าคุณน่าเบื่อ มีแต่คนที่รู้จักคุณดีเท่านั้นจึงจะรู้ว่าคุณไม่น่าเบื่อ

ขยะ... ที่อยู่ในใจ

ทำไมบางคนถึงทุกข์ร้อน วิตกกังวล กระวนกระวาย ไม่สบายใจ ไม่ปลอดโปร่งอยู่เสมอ

คำตอบง่ายมาก เพราะเขาแบกความคิดและความรู้สึกหลายอย่างเอาไว้ ไม่ปลดปล่อย ไม่ปรับเปลี่ยน จนกระทั่งมันกลายเป็นขยะหรือคราบสกปรกเกาะติดหัวใจ เวลามีอะไรมากระทบหรือสัมผัสกับความรู้สึก ก็จะมีคราบเปื้อนเหล่านี้เข้าไปเจือปน ความสดใสที่ควรจะมี จึงมีได้ไม่เต็มที่

ทำไมเราจึงปล่อยให้ใจเป็น 'ถังขยะ' ล่ะ

คำตอบก็คือ เราไม่ค่อยรู้ตัวหรอก ว่าเราแอบทิ้งขยะลงไปในใจของเราเอง หรือมีใครทิ้งขยะลงมาในหัวใจของเราบ้าง ถ้าเราไม่หมั่นสำรวจ บางทีเราอาจมีขยะรกเรื้อหัวใจอยู่มากมายเลยก็ได้ อะไรบ้าง ที่เป็นขยะหัวใจ

1. ความไม่พอใจ

มีหลายเรื่องเลยนะ ในชีวิต ที่เราไม่พึงพอใจ ถ้าจะแบ่งให้กว้างที่สุดเพื่อให้เห็นภาพ สิ่งที่ทำให้เราไม่พอใจมีอยู่ 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ไม่พอใจคนอื่น กับไม่พอใจตัวเอง ไม่พอใจคนอื่นเกิดได้มากกว่าความไม่พอใจในตัวเอง เพราะธรรมชาติของคน ย่อมรักตัวเองมากกว่าคนอื่น ย่อมโทษคนอื่นก่อนโทษตัวเอง ย่อมเห็นความผิดของคนอื่นได้ก่อนและได้ชัดกว่าความผิดของตนเอง

ขณะเดียวกันเราต่างก็รู้ว่าโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มีเกิน มีขาด จนกว่าจะค่อยๆ ปรับปรุงพัฒนาให้มีความพอดีได้ จึงจะเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ฉะนั้น เราควรมองด้านดีของกันและกันให้มากกว่าด้านที่บกพร่อง

ถ้าเราเริ่มจากมองด้านดีของกันและกันแล้ว ความพึงพอใจ และความนับถือในกันและกันก็จะเกิด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างสรรค์กว่าการจับผิดกัน แล้วนำไปสู่ความไม่พอใจ

2. ความผิดหวัง

2 สิ่งที่ไม่ควรตั้งความหวังไว้สูงนัก คือหวังว่าเรื่องบางเรื่อง เหตุการณ์บางเหตุการณ์ หรือคนบางคนในอดีตจะย้อนกลับมา กับหวังว่าอนาคตจะเป็นไปตามที่เราวาดหวังเสียทุกประการ อดีตเป็นสิ่งที่ยากจะเรียกหาให้ย้อนกลับคืนมาเป็นเหมือนเดิม ดีที่สุดคือใช้อดีตเป็นบทเรียน ให้สติ ให้เราเรียนรู้ทั้งโอกาสและความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น เพื่อให้วันนี้และวันข้างหน้า ดีกว่าอดีตที่เคยเป็น

ส่วนอนาคตย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ไม่สามารถบังคับบงการให้เป็นไปตามความหวังของเราได้เสียทั้งหมด แต่พอจะคาดการณ์ได้ว่าน่าจะเป็นอย่างไร กระนั้นก็ตาม หากไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ ก็อย่าได้ทุกข์ร้อนเสียใจ และปล่อยความคาดหวังบนความไม่แน่นอนแบบนี้ให้เป็นขยะรกอารมณ์

3. ความอิจฉาริษยา

ขยะอย่างหนึ่งที่รกใจคนที่สุด ก็คือความอิจฉาริษยาคนอื่น โดยไม่ทันเฉลียวว่า ทุกครั้งที่เราอิจฉาริษยาใครก็ตาม ความนับถือตัวเองของเราก็เสื่อมถอยลงไปด้วย เพราะการจะรู้สึกอิจฉาหรือริษยาใครนั้น ย่อมมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกว่าเขาดีหรือได้ดีกว่าเรา เราจึงอิจฉาเขาเป็นพัลวัน

จงหยุดอิจฉา แล้วมองให้เห็นว่า การที่คนอื่นได้ดีหรือมีดีกว่าเรานั้น เป็นสิ่งที่น่ายินดี ควรยินดีกับเขา และปรับเปลี่ยนโน้มน้าวตัวเองให้ทวีความดีดั่งที่เขามีจนเราอิจฉา

4. ความยึดมั่นถือมั่น

ขยะที่เพิ่มพูนความรกเรื้อรุงรังให้ใจได้เป็นอย่างดีอีกประการหนึ่งคือ ความยึดมั่นถือมั่น คิดว่านั่นก็คนของฉัน นี่ก็บ้านของฉัน รถของฉัน คนรักของฉัน ตำแหน่งของฉัน ฯลฯ จนไม่สามารถปล่อยวาง ‘สิ่งนอกตัว’ เหล่านั้นลงได้

ส่วนใหญ่พบว่า จิตจะปรุงแต่งไปเอง ว่าสิ่งนี้ฉันรัก สิ่งนี้ฉันเป็นเจ้าของ ใครก็เอาไปจากฉันไม่ได้ พอไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ก็ผูกพันหน่วงเหนี่ยว ยังคงเสียดาย เสียใจ และปรุงแต่งจิตเพิ่มเข้าไปว่าฉันนี้แสนทุกข์ระทม

ลองยอมรับความจริงดูบ้างไหม ว่าอะไรๆ ในโลกนี่ก็ไม่ใช่ของเราอย่างถาวรทั้งสิ้น แม้กระทั่งร่างกายของเรานี้ แท้ก็เป็นแค่ของยืมมา ใช้ได้ชาตินี้ชาติเดียว เดี๋ยวก็เสื่อม ก็แก่ ก็ป่วย ก็ตาย ต้องคืนร่างกายสังขารนี้สู่สภาพดิน น้ำ ลม ไฟ เน่าเปื่อยผุพังไป สิ้นความสวยความหล่อ ตลอดจนลาภยศสรรเสริญทั้งปวง

5. ความกลัว

ใจหลายคน รุงรังไปด้วยความกลัว กลัวเขาจะไม่รัก กลัวเงินจะหมด กลัวฝนจะตก กลัวนายจ้างจะเลิกจ้าง กลัวเพื่อนร่วมงานจะได้ดีกว่า กลัวไม่ก้าวหน้า ไม่ได้โบนัส ฯลฯ

กลัวไปทำไม เรื่องบางเรื่องเราตัดสินเองไม่ได้ อยู่นอกเหนือจากการควบคุม ซึ่งกลัวไปก็เท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักนิด บางเรื่องแทบไม่มีวันมาถึงในชีวิต ก็กลัวล่วงหน้า กลัวจนประสาทเสีย

จงพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกคนและทุกสิ่งในชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งต้องเริ่มจากการทำแต่สิ่งที่ดี โปร่งใส ไม่เป็นแผลติดตัวที่ต้องปิดบังซ่อนเร้น และจงขจัดความกลัวออกไปจากใจ เพื่อให้เกิดความมั่นใจที่จะใช้ชีวิตของเราให้สมศักดิ์ศรี เพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อทำให้ชีวิตนี้ดีกว่าเดิม

6. ความอยาก

จง 'อยาก' ให้พอดีกับกำลังกาย กำลังทุน และกำลังสติปัญญาของตัวเอง อย่าอยากจนเกินกำลัง เพราะจะทำให้สิ้นกำลังได้ง่าย แล้วกลายเป็นคนพ่ายแพ้ อ่อนแอ หมดสิ้นความทะเยอทะยานอยากในชีวิต

ความทะเยอทะยานอยากเหมือนรถ แต่ใจเราคือคนขับ รถแล่นด้วยความเร็วกำลังดี เราก็ได้ประโยชน์ จอดอยู่เฉยๆ ก็นิ่งอยู่กับที่ แต่หากแล่นฉิวจนเกินควบคุม ก็อันตรายกับชีวิต ฉะนั้น ใจต้องเป็นนายของความทะเยอทะยานอยาก ขับเคลื่อนความทะเยอทะยานอยากโดยควบคุมได้

ทำอย่างไรให้ใจสะอาด

เริ่มจากปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลง อย่ายึดติดยึดถือให้มากนัก แล้วอยู่กับปัจจุบัน อะไรที่อยู่กับเรา เป็นของเรา ย่อมอยู่กับปัจจุบันของเราด้วย นั่นคือสิ่งจริงแท้แน่นอน การปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลง เท่ากับการเทขยะทิ้ง การอยู่กับปัจจุบัน เท่ากับการปิดฝาถังขย=

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

เพื่อน

.... มีคน 2 คนเป็นเพื่อนซี้กัน...
ต่างร่วมเดินทางไปในทะเลทราย ด้วยกัน...
ระหว่างทาง... เกิดโต้เถียงขัดแย้งไม่เข้าใจกัน
เพื่อนคนหนึ่ง...พลั้งลงมือ...ตบหน้าอีกฝ่าย
คนถูกทำร้าย...เจ็บปวด...แต่ไม่เอ่ยวาจา...
กลับเขียนลงบนผืนทรายว่า ' วันนี้...ฉันถูกเพื่อนรักตบหน้า'
พวกเขายังคงเดินทางต่อ... กระทั่งถึงแหล่งน้ำ
พวกเขาตัดสินใจอาบน้ำ...ชำระกาย...
พลันคนที่ถูกตบหน้ากลับจม น้ำ... เพื่อนอีกคนไม่รั้งรอ...เข้าช่วยชีวิต
คนรอดตาย...ยังคงไม่เอ่ยวาจา... กลับสลักลงไปบนหินใหญ่...
' วันนี้...เพื่อนรักช่วยชีวิตฉันไว้' อีกคนไม่เข้าใจ...ถามว่า...
' เมื่อถูกฉันตบหน้า...เธอเขียนลงทราย...แล้วทำไม
เมื่อ ครู่... ต้องสลักบนหิน ' อีกคนยิ้มพราง...
กล่าวตอบ ' เมื่อถูกเพื่อนรักทำร้าย...เราควร เขียนมันไว้บนทราย
ซึ่งสายลมแห่งการให้อภัย...จะทำหน้าที่พัดผ่าน...ลบ ล้างไม่เหลือ
แต่เมื่อมีสิ่งที่ดีมากมาย... บังเกิด
เราควรสลักไว้บน ก้อนหินแห่งความทรง จำในหัวใจ...
ซึ่งจะไม่มีสายลมแรงเพียงใด...ลบล้าง และทำลาย....

Beauty Picture























วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551

มองโลกในแง่ดี และปฏิบัติดี

ฉันขอขอบคุณสำหรับ....


สำหรับแฟนที่ชอบ บ่นว่าเราจู้จี้ น่าเบื่อ
เพราะนั่นหมายถึง เขากำลังฟังเรา ในสิ่งที่เราบ่น และแคร์เรา


สำหรับน้องสาววัยรุ่นที่กำลังบ่นเรื่องล้างจานอยู่
เพราะนั่นหมายถึงเธออยู่บ้าน ไม่ใช่ที่ถนน


สำหรับภาษีที่ต้องเสีย เพราะนั่นหมายถึงฉันมีงานทำ


สำหรับข้าวของต่างๆ ที่ต้องคอยเก็บหลังงานปาร์ตี้
เพราะนั่นหมายถึงฉันถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูง


สำหรับเสื้อผ้าที่พอดีจนเกือบจะคับเกินไป
เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีกิน


สำหรับเงาที่คอยมองดูฉันทำงาน
เพราะนั่นหมายถึง ฉันกำลังได้รับแสงแดด


สำหรับพื้นที่ต้องคอยขัดถู และหน้าต่างที่ต้องทำความสะอาด
เพราะนั่นหมายถึงฉันมีบ้านให้ดูแลรักษา


สำหรับคำบ่นต่างๆ ที่มีต่อรัฐบาล
เพราะนั่นหมายถึงเรามีอิสระ ในการที่จะแสดงความคิดเห็น


สำหรับที่จอดรถ ที่อยู่ไกลสุดของลานจอดรถ
เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถเดินได้ และฉันมีรถ


สำหรับผ้ากองโตที่รอการซักรีด
เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเสื้อผ้าสวมใส่


สำหรับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ทุกสิ้นวัน
เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถทำงานหนักได้


สำหรับเสียงปลุกในทุกๆ เช้า
เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีชีวิตอยู่


และสุดท้าย .. .
สำหรับอีเมล์ที่ส่งมาหาฉันมากมาย
เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเพื่อนๆ

รัก-แท้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Forward Mail
เรื่อง : ฐิตินาถ ณ พัทลุง
ภาพประกอบโดย Kapook.com


หลายปีมาแล้ว เช้าวันธรรมดาวันหนึ่ง ฝนตกพรำๆ ตั้งแต่เช้ามืด สองแม่ลูกจูงมือกัน เพื่อแม่จะไปส่งลูกน้อยขึ้นเรือไปโรงเรียน ที่โป๊ะเทียบเรือท่าน้ำศิริราช คนเบียดเสียดกันแน่น แม่กับลูกน้อยเบียดคนลงไปในโป๊ะ เพราะดีกว่าเปียกฝนที่เริ่มลงเม็ดหนาตา พอเห็นเรือที่ขาดช่วงไปนานกำลังจะเข้าเทียบท่า คนก็ยิ่งลงมาบนโป๊ะ หลายคนตะโกนบอกให้คนถอยกลับไป เพราะโป๊ะจะรับน้ำหนักไม่ไหว

ก่อนที่ใครจะรู้ตัว โป๊ะใหญ่ทรุดตัวลงไปในแม่น้ำ ท่ามกลางคลื่นลมแรง ทุกคนตะเกียกตะกายว่ายน้ำหนีมาขึ้นฝั่ง แม่ของเด็กน้อยถูกลากขึ้นมา เธอร้องตะโกน 'ช่วยลูกฉันด้วย ช่วยลูกฉันด้วย ลูกฉันว่ายน้ำไม่เป็น' ฝนตกหนัก คลื่นลมแรง ทุกคนพยายามเอาชีวิตรอด ไม่มีใครทันสังเกตเห็นหัวเล็กๆ ที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่กลางแม่น้ำ

ก่อนที่ใครจะทันรู้ตัว แม่คนนั้นกระโดดลงไปในแม่น้ำ ตะเกียกตะกายไปคว้าลูกน้อยไว้ ก่อนที่คลื่นจะซัดสองแม่ลูกไกลออกไปจากฝั่ง

เธอว่ายน้ำไม่เป็น ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือ แม่กอดลูกแนบไว้กับอก ก่อนจะค่อยๆ จมหายไป

แม่ว่ายน้ำไม่เป็น แต่เธอก็เอาชีวิตโอบอุ้มลูกรักไว้ จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต

ในชีวิตคนคนหนึ่ง จะมีใครสักกี่คน ที่ยอมแลกชีวิตเขาเพื่อเราได้

แม่ของเราอาจจะไม่ได้กระโดดน้ำลงไปช่วยเรา แต่ทุกครั้งที่เราจมลงไปทะเลทุกข์ แม่กระโดดลงไปอุ้มเราแนบไว้กับหัวใจแม่ตลอดเวลา

ลูกทุกข์...แม่ทุกข์กว่า ลูกเจ็บ...แม่เจ็บกว่า

เบื้องหลังความสำเร็จ การฝ่าฟันจนพ้นวิกฤติของคนมากมาย มีมือเล็กๆ ของแม่อยู่เบื้องหลัง







ถ้าวันนี้...ถามดิฉันว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการผ่านวิกฤตการณ์สำคัญทุกครั้งในชีวิต ตอบได้เลยทันทีว่า คือการมีครอบครัวอันเป็นที่รัก และรักเราอย่างที่สุด โดยไม่มีเงื่อนไข จนเราอัศจรรย์ใจว่าทำไมคนๆ หนึ่งถึงรักและถูกรักได้มากขนาดนี้

ผู้หญิงคนหนึ่งเล่าให้ดิฉันฟังว่า แม่เลิกกับพ่อทิ้งเธอไว้ในโรงเรียนประจำ ไม่มีใครเคยไปหาเธอ จนเธอต้องทำตัวเองให้แย่ที่สุด อย่างน้อยทุกครั้งที่ถูกโรงเรียนไล่ออก ก็ยังได้เจอหน้าพ่อหรือแม่บ้าง

ครั้งหนึ่งที่เธอไปเข้าหลักสูตรอบรมจิต ใจของเธอกรีดร้องว่า ทำไม ทำไมแม่ถึงทำเลวร้ายกับหนูแบบนี้ เธอเห็นภาพแม่น้ำตานองหน้า บอกเธอว่า เพราะแม่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะดีที่สุดกับลูก

แม่ของเราหลายคน มีเราตั้งแต่แม่ยังอายุไม่ถึง 25 เราไม่ได้เกิดมาพร้อมคู่มือส่วนตัวว่าแม่ควรพูดกับเราอย่างไร เวลาที่แม่เองก็เหนื่อย ท้อ หวาดกลัว มีปัญหาของตัวเอง

เราคาดหวังว่าพ่อแม่จะต้องรู้ ว่าจะพูดกับเราปฏิบัติกับเราอย่างไร ด้วยการกระทำคำพูดในเวลาที่เหมาะเจาะที่สุด

เมื่อถึงวันหนึ่งที่เรามีลูกของตัวเอง หรือแม้กระทั่งเพียงแค่มีคนรัก เราจะรู้เลยว่า มันไม่ง่ายเลยที่ใครสักคนจะเลือกทำ เลือกพูดได้อย่างเหมาะเจาะ เหมาะเวลา เหมาะใจอีกฝ่าย

แล้วทำไมเราถึงคาดหวังจากพ่อแม่มากมายขนาดนั้น

ผู้หญิงอีกคนเล่าว่า เธอไม่โชคดีเหมือนคนอื่น เธอมีแม่ที่โลภ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ เอาเปรียบ

แต่เชื่อเถอะ ไม่ว่าวันนี้จะดูเลวร้ายสักแค่ ไหน หลายๆ ขณะในชีวิตที่คุณเติบโตมาถึงวันนี้ ผู้หญิงโลภและเห็นแก่ตัวคนนั้น ได้เสียสละหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเพื่อคุณ จนคุณเติบโต มีอะไรบางอย่างพอที่คุณคิดว่าเธออยากจะได้ และเอาเปรียบในสิ่งที่คุณมี

ถ้าคุณคิดว่าแม่โลภ เห็นแก่ตัว เอาเปรียบ หรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วตัวคุณเอง...เป็นอย่างไร

ในความจริงของชีวิต ที่โดยเนื้อแท้แล้วเป็นของว่างเปล่า ทุกอย่างชั่วคราว มีขึ้นแล้วหายไปเหมือนฟองอากาศในน้ำ ไม่มีอะไรเป็นสาระที่แท้จริง ยังมีความรักของพ่อแม่ที่เป็นแก่น เป็นราก เป็นของจริงในชีวิตเราตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย เป็นความมหัศจรรย์ที่เที่ยงแท้ ไม่ว่าเราจะมีสิ่งที่ไม่น่ารักมากสักแค่ไหน พ่อแม่ก็รักเราได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

รู้อย่างนี้แล้ว อย่ายอมให้ชีวิตตัวเองจมลงไปในปัญหา อุปสรรค ความทุกข์ ความสัมพันธ์ ความทรงจำ ความเจ็บช้ำ หรืออะไรก็ตามแต่ที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาชีวิตจิตใจ

รู้ทันความรู้สึกนึกคิด จนไม่ว่าอะไรก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ถูกรู้ ใจจะเข้มเข็ง มั่นคง ตั้งมั่น ประคับประคองชีวิตตัวเอง

ดูแลพ่อแม่ได้ สมกับที่ท่านให้ชีวิตเรา

ความผิดพลาด

หากผิดพลาดมาบ่อยครั้ง
หากพลาดพลั้งมาหลายหน
แต่ถ้าสู้ด้วยใจที่อดทน
จะข้ามพ้นอุปสรรคที่มากมาย

จงเรียนรู้สิ่งที่พลาดในอดีต
นำมาคิดตริตรองยังไม่สาย
ใช้มันเป็นครูสั่งสอนใจกาย
แล้วจะได้สิ่งที่หวังที่ตั้งใจ

หากความหวังยังอยู่คู่ฟ้า
อนาคตยังแรงกล้าแสงสดใส
สองเท้ายังคงก้าวย่างต่อไป
ความสำเร็จคงไม่ไกลเกินฝ่าฟัน

----------------------------- -------------

ทำใจดีๆ เข้าไว้
วันพรุ่งนี้จะเป็นไงใครจะรู้
สิ่งใดพลั้งสิ่งใดผิดคิดเป็นครู
วันข้างหน้ายังรออยู่สู้ต่อไป

เดินผ่านไปแล้วมีรอยเท้า
ผิดมาแล้วเป็นทางยาวก้าวไม่ไหว
อย่ากลัวเดินอีกก้าวบนทางไกล
รอยเท้าเก่าสอนเราไว้เป็นบทนำ

หนึ่งหยดน้ำร่วงหล่นบนพื้นหญ้า
ไหลรวมเป็นสาขาสู่แม่น้ำ
รวมทุกสายสู่ท้องทะเลคราม
เหมือนหนึ่งความพยายาม...จะก้าวไ กล

อีกครั้งกับคำที่ว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก

นานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง
พระราชาองค์นี้มีคนสนิทคนหนึ่งที่พระองค์สนิทมาก
และมักจะพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอในทุกๆ ที่

แล้ววันหนึ่ง พระราชาก็ถูกหมาตัวหนึ่งกัดนิ้ว แผลฉกรรนมาก
พระราชาจึงถามคนสนิทว่า นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า
คนสนิทกลับตอบว่า ' ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก '

และในที่สุด
พระราชาก็ถูกตัดนิ้วและพระราชาก็ถามคนสนิทอีกว่า
นี่เป็นรางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า
คนสนิทกลับตอบว่า ' ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก '

วันหนึ่ง พระราชาก็ได้เสด็จออกป่าล่าสัตว์
พระองค์ทรงตื่นเต้นมาก แล้วก็มุ่งเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ

เมื่อมารู้ตัวอีกทีก็พบว่า พระองค์ได้หลงทางเสียแล้ว
แต่ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปกว่านั้น
พระองค์ก็ได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองในป่าแห่งนั้น

คนป่าพวกนั้น ต้องการจับพระราชาไปบูชายัญ
แต่พวกเขาก็พบว่า
พระราชานิ้วขาดจึงรีบปลดปล่อยพระราชา
เพราะเชื่อว่าพระราชาไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์เลย
และไม่เหมาะที่จะนำไปบูชายัญ

พระราชาจึงตัดสินใจกลับพระราชวังในที่สุด
และสุดท้าย พระองค์ก็เข้าใจคำพูดของคนสนิทที่บอกว่า
' ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก '
เพราะถ้าพระองค์มีนิ้วครบสมบูรณ์ พระองค์ต้องถูกฆ่าโดยคนป่าพวกนั้นอย่างแน่นอน

พระราชาจึงสั่งปล่อยตัวคนสนิท และขอโทษเขา
แต่พระราชากลับประหลาดใจ เมื่อคนสนิทกลับไม่โกรธพระองค์เลย
ในทางตรงข้ามเขากลับบอกว่า

มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยที่ท่านขังข้าไว้ ทำไมงั้นหรือ
เพราะว่าถ้าพระองค์ไม่ขังข้าไว้
ข้าก็จะต้องตามท่านไปในป่าและในเมื่อท่านไม่เหมาะจะถูกบูชายัญ
ข้าคงจะถูกนำไปบูชายัญแทนเป็นแน่

อีกครั้งกับคำที่ว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก

เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้
ไม่มีการสรุปได้อย่างแน่นอนว่า ดี หรือไม่ดี

บางครั้งสิ่งที่ดี อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย
ในขณะที่สิ่งที่เลวร้ายอาจกลายเป็นดีได้

สิ่งดีๆ อะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้นกับเรา
จงสนุกสนานกับมัน แต่อย่าไปยึดติดกับมัน
จงคิดเสียว่ามันเป็นสิ่งที่มาสร้างความประหลาดใจให้กับชีวิตของคุณ

อะไรต่างๆ ที่มันเลวร้าย ซึ่งเกิดขึ้นกับคุณ
ไม่จำเป็นต้องไปเศร้าเสียใจในตอนท้าย มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย

ถ้าพวกเราเข้าใจได้อย่างนี้ พวกเราจะพบว่าการใช้ชีวิตนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย

" ไอรักอุ่นหัวใจ "

รัก คือการเชื่อใจในทุกสิ่ง

รัก คือความเป็นจริงใช่เสแสร้ง

รัก คือการเชื่อใจใช่ระแวง

รัก คือการแสดงความจริงใจ

รัก คือการให้อภัยในสิ่งผิด

รัก คือความคิดที่อ่อนไหว

รัก คือความรู้สึกลึกๆ ภายในใจ

รัก คือการให้แต่สิ่งดีดี

.................

อืมมมรักที่ดีคือรักอย่างมีสติ.....

และใช้ปัญญา ตัดสินอย่างมีเหตุผลมากกว่า

ใช้อารมณ์ความรู้สึกนำหน้า....

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551

ลองตอบดู แล้วจะรู้คุณคือใคร.... Genius



ถ้าตอบถูก......

10 ข้อ คุณเป็น...อัจฉริยะ

9 ข้อ คุณเป็น...สมาชิกของเมนซาณ
8 ข้อ คุณเป็น...วิศวกร
7 ข้อ คุณเป็น...นักศึกษามหาวิทยาลัย
6 ข้อ คุณเป็น...นักเรียนมัธยมปลาย
5 ข้อ คุณเป็น...นักเรียนประถม
4 ข้อ คุณเป็น...ครูสอนนักเรียนมัธยม
3 ข้อ คุณเป็น...ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย
2 ข้อ คุณเป็น...นักสืบ FBI
1 ข้อ คุณเป็น...สมาชิกสภาคองเกรส
0 ข้อ คุณเป็น...เป็นเรื่องธรรมดา

เชิญลองทำแล้วเขียนคำตอบลงบนกระดาษก่อนดูเฉลยนะ
(พยายามอย่าแค่คิดไว้แล้วจำไปดูคำตอบ เพราะอาจเบี่ยงเบนได้นะ)
ถ้าตอบถูกหมดโคตรเก่งอย่าโกงนะ ทดสอบดูมี 10 คำถามนะ...ลองตอบดูภายใน 10 นาที

(ทำแล้วบอกกันด้วยนะค้า ว่าแต่ละคนตอบถูกกี่ข้อ อิอิ)

1. บางเดือนมี 30 วัน บางเดือนมี 31 วัน มีกี่เดือนที่มี 28 วัน

2. ถ้าคุณหมอให้ยามา 3 เม็ด แล้วบอกให้คุณกินยาทุกๆ ครึ่งชั่วโมงคุณต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะกินยาหมด

3. ถ้าเข้านอนตอน 2 ทุ่ม แล้วตั้งนาฬิกาให้ปลุกตอน 9 โมงเช้าถามว่าจะได้นอนกี่ชั่วโมงก่อนที่นาฬิกาปลุกจะ ดั

4. เอา 30 หารครึ่ง แล้วบวก 10 จะได้คำตอบเท่าไหร่

5. ชาวนามีแกะ 17 ตัว ทุกตัวยกเว้น 9 ตัวตายหมดถามว่ายังมีแกะที่มีชีวิตเหลืออยู่กี่ตัว

6. ถ้าคุณมีไม้ขีดไฟเหลือเพียงก้านเดียวแล้วต้องเข้าไปใ นห้องที่ทั้งหนาวทั้งมืดในห้องนั้นมีฮีตเตอร์น้ำมัน ตะเกียงน้ำมัน และเทียนไข คุณจะเลือกจุดอะไร

7. ชายคนหนึ่งสร้างบ้านด้วยไม้ที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าท ั้ง 4 ด้านและหันบ้านไปทางทิศใต้ ถ้ามีหมีผ่านมาถามว่าหมีตัวนั้นจะมีสีอะไร

8. หยิบแอปเปิ้ล 2 ลูกออกจากแอปเปิ้ล 3 ลูก ถามว่าคุณจะได้อะไร

9. โมเสสเอาสัตว์ขึ้นเรือตอนวันสิ้นโลกไปชนิดละกี่ตัว

10. ถ้าคุณขับรถซึ่งบรรทุกคน 43 คนจากชิคาโกไปพิสเบอร์กแล้วหยุดรับอีก 7 คนขึ้นมา แล้วหยุดจอดให้คนลงที่เคลเวอร์แลนด์ 5 คน จนมาถึงฟิลาเดอเฟียในอีก 20 ชั่วโมงต่อมา ถามว่าคนขับรถชื่ออะไร

********
***********
*************
*****************
*******************
(ดูเฉลยข้างล่าง)

*******************
*****************
**************
************
เฉลย

1. 12 เดือน พราะทุกเดือนก็มีอย่างน้อย 28 วันอยู่แล้ว

2. 1 ชั่วโมง เพราะถ้าคุณกินยาตอนบ่ายโมง เม็ดที่ 2 ก็จะกินตอนบ่ายโมงครึ่ง และเม็ดที่ 3 ก็จะกิน ตอนบ่าย 2

3. 1 ชั่วโมง เพราะตั้งนาฬิกาปลุกตอน 9 โมง เข้านอนตอน 2 ทุ่ม นาฬิกาจะดังตอน 3 ทุ่ม

4. 70

5. 9 ตัว

6. จุดไม้ขีดไฟก่อน

7. สีขาว เพราะถ้าบ้านหันไปทางทิศใต้แสดงว่าบ้านต้องอยู่ทิศเห นือหรือขั้วโลกเหนือ

8. ได้แอปเปิ้ล 2 ลูก

9. ไม่ได้เอาไปเลย เพราะคนที่เอาสัตว์ขึ้นเรือไม่ใช่โมเสสแต่เป็นโนอาร์

10. ชื่อของคุณนั่นแหละ ก็คุณเป็นคนขับรถนี่

Hold my hand



Here is a short story with a beautiful message...
นี่คื่อเรื่องสั้นที่ส่งพร้อมกับข้อความที่สวยงาม

Little girl and her father were crossing a bridge.
มีพ่อลูกคู่นึงกำลังจะข้ามสะพาน

The father was kind of scared so he asked his little daughter,
คุณพ่อค่อนข้างกลัวเล็กๆ เลยบอกลูกสาวตัวน้อยของเขาว่า

'Sweetheart, please hold my hand so that you don't fall into the river.'
ลูกรักจ๊ะ จับมือพ่อไว้สิ หนูจะได้ไม่ตกลงไปในแม่น้ำ

The little girl said, 'No, Dad. You hold my hand.'
เด็กน้อยกล่าวว่า ' ไม่ค่ะพ่อ พ่อหน่ะแหละจับมือหนู '

'What's the difference?' Asked the puzzled father.
. ' มันต่างกันยังไงจ๊ะลูก ' พ่อถามด้วยความสงสัย

'There's a big difference,' replied the little girl.
' มันต่างกันมากเลยค่ะพ่อ ' เด็กน้อยกล่าว

'If I hold your hand and something happens to me,
' ถ้าหนูจับมือพ่อ แล้วมีอะไรเกิดขึ้นกับหนู ,

chances are that I may let your hand go.
มันมีโอกาสที่หนูจะ ปล่อยมือพ่อ

But if you hold my hand, I know for sure that no matter what happens,
แต่ถ้าพ่อจับมือหนู หนูรู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

you will never let my hand go.'
พ่อไม่มีวันปล่อยมือหนูแน่นอน '

In any relationship, the essence of trust is not in its bind, but in its bond.
ในทุกความสัมพันธ์ สิ่งสำคัญของความเชื่อมั่น ไว้ใจ ไม่ใช่อยู่ที่สาระของมัน แต่เป็นความรู้สึกกับมัน

So hold the hand of the person who loves you rather than expecting them to hold yours...
เพราะฉะนั้น จงจับมือคนที่รักคุณ ดีกว่าที่จะหวังไว้เค้าจับมือคุณ

This message is too short......but carries a lot of Feelings.
ข้อความนี้สั้นเกินไป แต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกมากมาย

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

How to stay young











คำคม Quote

หนึ่งภาพ แทนคำ ล้านคำพูด



หนึ่งภาพ แทนคำ ล้านคำพูด
หนึ่งใบ ยายพูด พร่ำบอกหลาน
หนึ่งเรียน ให้รู้ จึงอยู่นาน
หนึ่งคน ถึงกาล ย่อมโรยลา
....อัฐนี้ ยาย อด เจ้าจึงอิ่ม
ยามนี้ เจ้าอิ่ม จงเร่งหา
เรียนนี้ ให้รู้ รอบปัญญา
แต่นี้ ภายหน้า เป็นคนดี

คุณ


อย่าไปให้ความสำคัญกับใครบางคน เมื่อคุณเป็นแค่ทางเลือกของเขา.
สัมพันธภาพจะดีที่สุดเมื่อทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกันอย่างสมดุล



ไม่ต้องสาธยายเกี่ยวกับตัวคุณให้ใครฟังหรอก
เพราะคนที่ชอบคุณ ยังไงเขาก็ชอบ และไม่ต้องการฟังมัน
แต่คนที่เกลียดคุณ ยังไงเขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก



เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณยุ่ง คุณก็จะไม่ว่างเลย
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณไม่มีเวลา คุณก็จะไม่มีเวลาเลย
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณจะทำในวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้จะไม่มีวันมาถึงเลย



เมื่อเราตื่นขึ้นมาในยามเช้า เรามีทางเลือกง่ายๆ 2 อย่าง
กลับไปนอนและฝันหวานต่อ หรือ ลุกขึ้นมาแล้วทำความฝันให้เป็นจริง
มันก็แล้วแต่คุณจะเลือกแล้วล่ะ



เรามักทำให้คนที่ใส่ใจเราต้องร้องไห้
เรามักร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เคยใส่ใจเรา
และเรามักใส่ใจกับคนที่ไม่มีวันร้องไห้ให้เรา
นี่คือความจริงของชีวิต เป็นเรื่องแปลกแต่จริง
ถ้าเห็นคุณเห็นด้วย มันก็ยังไม่สายเกินแก้




เมื่อคุณกำลังสนุกสนาน ก็อย่ารับปากพล่อยๆ
เมื่อคุณกำลังเศร้า ก็อย่าได้ตอบกลับ
เมื่อคุณกำลังโกรธ ก็อย่าไปตัดสินใจอะไร

คิดให้ถี่ถ้วน ทำอย่างสุขุม



เวลาก็เหมือนสายน้ำ
คุณไม่มีทางสัมผัสน้ำเดียวกันได้สองครั้งหรอก
เพราะมันได้ไหลผ่านไปแล้ว
มีความสุขกับทุกช่วงชีวิตของเราดีกว่า...

เหตุผลที่ควรดีใจ เมื่ออายุใกล้ 30 หรือเลย 30



ข้อมูลจาก Forward Mail
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

1. เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง จะพูดจะคิดจะรู้สึก ก็ฉันเป็นอย่างนี้นะ เธอไม่ชอบก็เรื่องของเธอสิ อาการแบบนี้จะเกิดขึ้นเสมอ ๆ

2. อารมณ์ฮอตระอุไม่รู้มาจากไหน แค่เห็นรูป หนุ่มๆ กล้ามงามๆ ตาอ้อนๆ ก็หวิวไปทั่วร่างแล้ว ยืนยันว่าวัยเลขสองไม่เป็นแน่นอน

3. เริ่มเก็บเงินซื้อรถ และเลยไปถึงซื้อบ้าน

4. หนุ่มๆ เกือบทั้งนั้นอยากเดทกับคุณเพราะเขาบอกว่า คุณคุยได้ทุกเรื่อง

5. ก็ในเมื่อมันเลยเลขสามมาแล้ว ทำไมจะต้องกลัวว่า ฉันจะได้แต่งงานมั้ยเนี่ย อีกล่ะ ความคิดคุณจะเปลี่ยนเป็น แต่งก็ได้ ไม่แต่งก็ได้แล้วกัน

6. คุณจะเป็นคนดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเรื่องไม่ดี มันทำมาหมดแล้ว

7. สามารถไปเที่ยวต่างจังหวัดค้างคืนกับแฟนได้โดยไม่ต้องโกหกแม่ ถ้าแม่ว่า คุณจะจบลงด้วยประโยคว่า หนูสามสิบแล้วนะแม่ แล้วก็เดินเข้าห้องไปเก็บกระเป๋า

8. เปลี่ยนจากดู หนัง ช็อปปิ้งวันเสาร์-อาทิตย์กับเพื่อนสาว เปลี่ยนเป็น เราไปทำบุญ 9 วัดกันเถอะเธอ

9. กีฬาโหดๆ บ้าคลั่งๆ ที่คุณไม่เคยกล้าทำ อย่างขี่เจ็ทสกี ปีหน้าผา...มา! ฉันจะทำให้หมดเลย! ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วนี่!

10. สิวที่เคยขึ้นในวัยยี่สิบ มันหายไปจริงๆ คุณหน้าเกลี้ยงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

11. เริ่มอัพเกรดตัวเองจากเที่ยวพัทยา หัวหิน มาเป็น มัลดีฟส์บ้าง ฮ่องกงบ้างล่ะ

12. ประโยคฮิตติดปากคุณจาก ทำไมถึงทำอย่างนั้นกับฉันจะเปลี่ยนเป็น ก็เรื่องของเธอแล้วกัน

13. ผู้ชายคนนั้นที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจตัวเอง งี่เง่า และไม่เคยซื้อของดีๆ ให้คุณเลย คุณยัง ทน คบได้...ก็เขาก็เป็นอย่างนี้ของเขาแหล่ะ

14. ขี้เกียจ... เข้าใจ... และปลง เป็นทางออกที่ดีที่สุด

15. ไม่มีใครในโลกนี้โกหกคุณได้อีกแล้ว คติของคุณคือ ความขัดเจน จะมาต้องประดิษฐ์หาข้ออ้างโกหกโน่นนี่หาพระแสงอะไรไม่ทราบ

16. เอายังไงก็เอา ไม่คบก็ไม่เป็นไร คบก็คบกันแล้วดีๆ ต่อกัน ถ้าจะไม่ดีกับฉัน ก็ไป ไม่ต้องมาคบ คือสโลแกนประจำใจเวลาหนุ่มคนไหนดูท่าว่าเหมือนจะอยากมีความสัมพันธ์กับคุณ

17. ขนาดปารีส ฮิลตันที่ผู้หญิงทั้งโลกหมั่นไส ้ แต่เมื่อเข้าเลขสามคุณจะมองเธอย่างสงสารแทน โถๆๆๆๆๆ หนูจ๋า เหนื่อยไหมนั่นน่ะ..

18. เปลี่ยนจากซื้อสร้อยลูกปัดพลาสติก เป็นสร้องทองคำของจริง!

19.เปลี่ยนจากรูดหมูปิ้งข้าวเหนี่ยวมื้อเช้า เป็น แครอทสดกับน้ำมะเขือเทศ!

20.คุณหัวเราะเสียงดังกระจายในร้านอาหารกับเพื่อนสาวได้อย่างไม่สนใคร จะมีแค่คนหันมาองคุณแล้วนึกเอ็นดูว่า ดูสิผู้หญิงเหล่านี้เขามีความสุขจังเลยนะ

สาสน์จากท่าน Dalai Lama ที่ได้กล่าวไว้สำหรับปี 2008นี้

คุณใช้เวลาในการอ่านและคิดตาม เพียง 2-3 นาทีเท่านั้น

โปรดอย่าเก็บคำสอนนี้ไว้คนเดียว มิเช่นนั้นมนตราที่ส่งมานี้จะจากคุณไปภายใน 96 ชั่วโมง
แล้ว…คุณจะได้พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่คุณจะยินดีมาก


ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิต

1. ระลึกเสมอว่า การจะได้พบความรักและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอันมหาศาลดุจกัน

2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน

3. จงปฏิบัติตาม 3Rs

3.1 เคารพตนเอง (Respect for self)

3.2 เคารพผู้อื่น (Respect for others)

3.3 รับผิดชอบต่อการกระทำของตน (Responsibility for all your actions)

4. จงจำไว้ว่า การที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์

5. จงเรียนรู้กฎ เพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืนอย่างเหมาะสม

6. จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ

7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข

8. จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน

9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป

10. จงระลึกไว้ว่า บางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด

11. จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อที่ว่าเมื่อคุณสูงวัยขึ้นและคิดหวนกลับมาคุณจะสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง

12. บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต

13. เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรัก ให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบัน อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต

14. จงแบ่งปันความรู้ เพื่อเป็นหนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ


0-4 คน : ชีวิตของคุณจะดีขึ้นเล็กน้อย

5-9 คน : ชีวิตของคุณจะเป็นไปตามที่คุณต้องการให้เป็น

10-14 คน : คุณจะพบสิ่งที่ทำให้คุณประหลาดใจอย่างน้อย 5 อย่างในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า

15 คนขึ้นไป : ชีวิตคุณจะดีขึ้นอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ และทุกสิ่งที่คุณฝันไว้จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

รัก..Love




ถ้าใครสามารถตอบคำถามได้ว่า...
"รักคนคนหนึ่งเพราะอะไร"
...นั่นเป็นรักจากสมอง สมองมักมีเหตุผล
มีคำตอบในการที่ต้องรัก
และอาจไม่ใช่รักแท้...
เพราะรักแท้ เป็นรักที่ไม่มีคำตอบ
...เป็นความรัก ที่มาจากความรู้สึก


ถ้ารักจากสมอง ชีวิตรักเหมือนอยู่ในโลกความจริง
มักไม่อ่อนหวาน ทำอะไรก็มีแผนการ
...มีเหตุผล มีคำอธิบายร้อยแปด
ต่างจากรักที่มาจากความรู้สึก
...ชีวิตเหมือนอยู่ในความฝัน ...อ่อนหวาน อบอุ่น
ใช้หัวใจในการตัดสิน กลายเป็นคนไม่มีสมอง...


ถ้าใครบอกว่ารักคุณเพราะอะไร...
พึงจำไว้ว่ารักแท้จะไม่มีเหตุผล จะไม่มีคำว่าอะไร มาทำให้รัก


เพราะถ้าบอกว่ารัก เพราะคุณสวย
...เมื่อความสวยหมด อาจเลิกรักได้
หรือถ้ารักเพราะคุณเป็นคนดี
วันหนึ่งก็อ้างได้ว่า ตอนนั้นเห็นคุณเป็นคนดีได้อย่างไร...
หรือถ้ารักเพราะคุณเป็นคุณ
...ก็คงเบื่อที่จะหาคำอื่นมาพูด คำนี้ใช้ง่ายที่สุด...


จงฟังคนที่บอกว่า รักคุณ และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรัก
นั่นเเสดงว่าใช้หัวใจรัก ไม่ว่าวันข้างหน้า คุณจะเป็นอย่างไร
หัวใจก็จะยังไม่มีเหตุผลในการรักอยู่ดี


จะเลือกคนที่ใช้หัวใจรัก หรือคนที่ใช้สมองรัก...ขึ้นอยู่กับคุณ

คำคม Quote









เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

อัพโหลดไฟล์

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

Movie

สารบัญเว็บไทย

Thailand Map